Bad Boys: Ride or Die แบดบอยส์ คู่หูขวางนรก: ไลด์ ออร์ ดาย (2024)

หนังประเทศ : สหรัฐอเมริกา
เรื่องย่อ :
ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์คู่หูตำรวจสุดมันส์ “Bad Boys” กลับมาอีกครั้งพร้อมความบ้าพลังและความวุ่นวายแบบที่แฟน ๆ รอคอย เมื่อ “ไมค์ โลว์รีย์” และ “มาร์คัส เบอร์เน็ตต์” ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนทั้งวงการตำรวจไมอามี เมื่อต้นสังกัดของพวกเขาอย่าง “กัปตันโฮเวิร์ด” ถูกใส่ร้ายว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาระดับชาติ ทั้งคู่จึงต้องออกมา “ล้างชื่อ” ให้เจ้านาย แต่คราวนี้ศัตรูไม่ใช่อาชญากรธรรมดา แต่เป็นองค์กรใหญ่ที่มีอำนาจทั้งในวงการทหาร การเมือง และตำรวจเอง
ไมค์และมาร์คัสที่เคยเป็นลูกน้อง กลับต้องกลายเป็น “ผู้ต้องสงสัย” ถูกไล่ล่าทั้งจากผู้ร้ายและตำรวจที่เคยเป็นพวกกันเอง จุดเริ่มต้นของภารกิจระห่ำที่ทั้งสองต้องเลือกเส้นทาง “วิ่งหนีไปพร้อมกันหรือจะตายไปด้วยกัน” ตามแบบฉบับของคู่หูอมตะจากไมอามี
บทความรีวิว :
Bad Boys: Ride or Die คือการผสมผสานระหว่างความมันส์แบบดั้งเดิมยุค 90s กับความเร็วแรงสไตล์หนังยุคใหม่ที่มาพร้อมงานภาพสุดเท่ หนังยังคงเอกลักษณ์การพูดจาเชือดเฉือนของไมค์และมาร์คัสที่เป็นเสน่ห์ที่สุดของซีรีส์นี้ ทุกฉากที่ทั้งคู่โต้คารมกันนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้แบบไม่ต้องพยายาม
งานกำกับของ **Adil & Bilall** ยังคงรักษาความเร็ว ฟีลแอ็กชันแบบใช้กล้องหมุน 360 องศาที่ทำให้ฉากต่อสู้ดิบ มันส์ และดูมีสไตล์มากขึ้น ยิ่งกว่านั้นหนังเพิ่มลูกเล่นใหม่ เช่น การสลับมุมมองกล้องจากการถือปืนของตัวละครราวกับเป็นเกม FPS ทำให้ฉากบู๊มีความแปลกตาและเร้าใจเป็นพิเศษ
หนังยังมีธีมว่าด้วย “ครอบครัว” และ “การปกป้องกันและกัน” ทำให้ความสัมพันธ์ของไมค์-มาร์คัสลึกซึ้งขึ้นกว่าทุกภาค และโชว์ให้เห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพียงตำรวจคู่หู แต่เป็นคนที่พร้อมตายแทนกันจริง ๆ
สปอยล์ :

หลังจากสืบสวนไปได้สักพัก ทั้งคู่พบว่าผู้ที่ใส่ร้ายกัปตันโฮเวิร์ดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนในหน่วยงานระดับสูงที่ทำงานร่วมกับแก๊งค้ายารายใหญ่ และต้องการล้มหน่วยตำรวจไมอามีเพื่อปิดบังคดีสกปรกของตัวเอง ไมค์และมาร์คัสจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักในการถูกกำจัด
ระหว่างการหลบหนี ไมค์ถูกเปิดเผยว่าเคยมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับแก๊งอาชญากร ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าควรจะเป็นตำรวจต่อไปหรือไม่ ขณะที่มาร์คัสเกิดเหตุเกือบเสียชีวิต ทำให้เขามองเห็น “นิมิต” ว่าจริง ๆ แล้วชีวิตควรมีค่ามากกว่าการทำงานจนตาย แต่เพราะไมค์คือครอบครัวอีกคน เขาจึงตัดสินใจกลับสู่สนามรบอีกครั้ง
ท้ายที่สุด ทั้งคู่ร่วมมือกับลูกชายของไมค์เพื่อล้มองค์กรค้ายาขนาดใหญ่ในฉากไคลแมกซ์ที่เต็มไปด้วยระเบิด ปืน รถลอยไฟ และการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในแฟรนไชส์ การล้างชื่อกัปตันโฮเวิร์ดสำเร็จ และทั้งสองกลับมาเป็นฮีโร่อีกครั้ง—แต่ครั้งนี้พวกเขาโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น และยอมรับความจริงว่าความเป็น “Bad Boys” จะอยู่ในสายเลือดตลอดไป
บทวิจารณ์ :
ภาคนี้คือการคืนชีพที่สมบูรณ์แบบของแฟรนไชส์ Bad Boys ทั้งความบ้าบิ่น มุกตลกที่ยิงรัวแบบไม่แผ่ว และฉากบู๊ที่เดือดจนลืมหายใจ วิลสมิธและมาร์ติน ลอเรนซ์ยังคงเคมีเข้ากันอย่างที่สุด เรียกได้ว่าแค่ทั้งคู่เดินเข้าฉากก็ทำให้หนังมีพลังขึ้นหลายระดับ
งานแอ็กชันถูกออกแบบอย่างสร้างสรรค์ มีทั้งฉากยิงไล่ล่าบนทางด่วน การต่อสู้ในโกดังไฟลุก การไล่ล่าในโรงเก็บสัตว์ และการซัดกันแบบประชิดตัวที่ทำให้คนดูเพลินจนไม่ทันได้พักหายใจ หนังยังปรับโทนให้มีความดราม่ามากขึ้น ทำให้ผู้ชมได้เห็นด้านเปราะบางของตัวละครที่อยู่กับความรุนแรงมาเกือบทั้งชีวิต
นี่คือหนังที่มอบความสนุกแบบเต็มขั้นตามสไตล์ “Bad Boys For Life” แต่เพิ่มความหนักแน่นของเนื้อหา และทำให้เห็นว่าความเป็นคู่หูของทั้งสองไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความรัก ความเชื่อใจ และการเป็นครอบครัวจริง ๆ หากคุณเป็นแฟนแฟรนไชส์นี้ รับรองว่านี่คือภาคที่ดูแล้วลุกจากที่นั่งไม่ลงแน่นอน
ตัวอย่างหนังจาก YouTube
