รีวิว Argylle อาร์ไกลล์ สายลับไร้เงา (2024)

Argylle อาร์ไกลล์ สายลับไร้เงา (2024)

Screenshot

หนังประเทศ : สหราชอาณาจักร / สหรัฐอเมริกา

เรื่องย่อ

Argylle เป็นภาพยนตร์สายลับ–แอ็กชันคอมเมดี้สไตล์จัดจ้าน กำกับโดย Matthew Vaughn ผู้สร้างจักรวาล Kingsman เล่าเรื่องของ “เอลลี่ คอนเวย์” (Bryce Dallas Howard) นักเขียนนิยายสายลับสุดเนิร์ด ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับแมวคู่ใจชื่อ “อัลฟี” เธอเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบออกจากบ้าน โลกของเธอมีแค่โน้ตบุ๊ก กาแฟ และต้นฉบับนิยายสายลับชุดฮิตที่ตัวเอกชื่อ “อาร์ไกลล์” (Henry Cavill)

แต่ชีวิตที่เหมือนจะสงบกลับพลิกผัน เมื่อเหตุการณ์ในนิยายเล่มล่าสุดของเธอดัน “ตรงกับปฏิบัติการจริง” ขององค์กรสายลับระดับโลกอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เธอกลายเป็นเป้าหมายของหน่วยงานลับชื่อ “ดิวิชั่น” (The Division) ที่เชื่อว่า เอลลี่ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงแผนร้ายระดับโลก

ระหว่างนั่งรถไฟ เอลลี่ถูกลอบสังหาร แต่ได้รับการช่วยเหลือจากชายแปลกหน้าในลุคเซอร์บ้าน ๆ ชื่อ “เอลฟ์ลิน” (Sam Rockwell) ที่อ้างตัวว่าเป็นสายลับ และยืนยันว่าชีวิตของเธอไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ทั้งคู่จึงต้องจับคู่กันหนีตาย เดินทางข้ามประเทศ ไล่ต่อจิ๊กซอว์ว่า “ทำไมเนื้อหาในนิยายของเอลลี่ถึงตรงกับภารกิจจริง?” และ “อาร์ไกลล์ ที่อยู่ในหัวเธอ… เป็นแค่ตัวละคร หรือมีอยู่จริงกันแน่?”

บทความรีวิว

Argylle เดินด้วยโทนแบบ “การ์ตูนสายลับมีชีวิต” เต็มไปด้วยสีสัน มุกตลก และฉากแอ็กชันโอเวอร์สไตล์ Matthew Vaughn ที่แฟน Kingsman คุ้นเคย ตัวหนังผสมทั้งสายลับคลาสสิก, เกมจารกรรม, ตัวละครเว่อร์ ๆ และมุกล้อเลียนวงการสายลับกับหนังฮอลลีวูดไปพร้อม ๆ กัน

จุดที่น่าสนใจคือ การเล่นกับ “โลกจริง vs โลกนิยาย” เอลลี่คิดว่าตัวเองแค่เขียนเรื่องแต่ง แต่ยิ่งเรื่องราวเดินหน้า เธอก็ยิ่งเริ่มสงสัยว่า ความทรงจำของเธออาจไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจมาตลอด หนังโยนคำถามเรื่อง “ตัวตน” และ “ความทรงจำ” เข้ามากลางเรื่อง ทำให้มันไม่ได้เป็นแค่หนังสายลับบู๊ระเบิดเท่านั้น แต่มีเลเยอร์ให้คนดูได้ตาโตกับการเฉลยหลายชั้น

เคมีระหว่าง Bryce Dallas Howard กับ Sam Rockwell คือหัวใจของเรื่อง ฝ่ายหนึ่งคือนักเขียนเนิร์ดที่ไม่มีสกิลภาคสนามเลย แต่อัดแน่นไปด้วยจินตนาการ อีกฝ่ายเป็นสายลับที่ดูเซอร์ๆ ปากหมา ขี้เล่น แต่มีฝีมือการต่อสู้และยิงปืนสุดโหด การโต้ตอบกันไปมาของทั้งคู่ทำให้หนังมีเสน่ห์และดูเพลินกว่าการเป็นหนังสายลับทั่ว ๆ ไป

ฝั่ง Henry Cavill แม้จะไม่ได้ออกมาทั้งเรื่อง แต่ทุกครั้งที่โผล่มาในบท “อาร์ไกลล์” ก็ทำให้หนังดูเหมือนคอมมิกสายลับสุดเวอร์อย่างจงใจ ทรงผมเหลี่ยมจัด ชุดสูทเนี้ยบเกินจริง และการออกแบบให้ตัวละครของเขาดูเป็น “เวอร์ชันในหัวของนักเขียน” ช่วยตอกย้ำธีม “สายลับในนิยาย vs สายลับในชีวิตจริง” ได้ดี

สปอยล์เต็ม

เปิดสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เราพบว่า นิยายของเอลลี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เธอไม่ได้เป็นแค่นักเขียนธรรมดา แต่มีอดีตที่ถูก “เขียนทับ” ทิ้งไป เอลลี่เคยเกี่ยวข้องกับโลกสายลับมาก่อน และความทรงจำเก่า ๆ เหล่านั้นถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น “จินตนาการในรูปแบบนิยาย” เพื่อปกป้องตัวเธอเอง

ตัวละครอาร์ไกลล์ที่ดูเหมือนจะอยู่แค่ในหัว กลายเป็น “ภาพแทน” ของบางสิ่งในอดีตของเอลลี่ และเมื่อความจริงถูกเปิดออก เธอต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า ตัวเองไม่ใช่แค่คนธรรมดาที่ดวงซวย แต่เป็นส่วนหนึ่งของเกมสายลับนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

ดิวิชั่นต้องการใช้เธอและข้อมูลในหัวให้เป็นเครื่องมือในแผนการระดับโลก เอลลี่จึงต้องเลือกว่าจะเป็น “นักเขียนผู้สังเกตเรื่องราวของคนอื่น” ต่อไป หรือจะยืนในฐานะ “ตัวละครหลักของชีวิตตัวเอง” และลงมือสู้เพื่อกำหนดตอนจบด้วยตัวเอง

ในฉากไคลแมกซ์ หนังเล่นใหญ่ด้วยฉากแอ็กชันที่ทั้งเหนือจริงและมีลูกเล่นภาพจัดเต็มระดับการ์ตูน เช่น ฉากเต้น–ยิง–สาดสี ที่ทั้งหลุดโลกและจงใจให้รู้สึกเหมือนอยู่ในนิยายมากกว่าความเป็นจริง ปิดท้ายด้วยการที่เอลลี่เริ่มยอมรับตัวตนทั้งสองฝั่งของตัวเอง — ทั้งในฐานะนักเขียน และคนเคยอยู่ในสนามจริง

บทวิเคราะห์

Argylle อาจไม่ใช่หนังสายลับสายซีเรียส แต่เป็น “หนังสายลับที่ล้อเลียนความเป็นสายลับ” ไปพร้อมกัน หนังใช้ตัวละครเอลลี่เป็นตัวแทนของคนดูยุคใหม่ที่เสพสื่อสายลับเต็มไปหมด ทั้ง 007, Mission: Impossible, Kingsman แล้วเอาทุกอย่างมายำใหม่ให้กลายเป็นโลกแฟนตาซีที่กำลังชนเข้ากับความจริง

ประเด็นเรื่อง “เราคือใครกันแน่?” ถูกเล่าในมุมเบา ๆ ผ่านคอนเซปต์ความทรงจำที่ถูกปั้นแต่งใหม่ ความเป็นจริงที่ถูกรีไรต์ให้กลายเป็นนิยาย และคำถามว่า ถ้าเราเชื่อใน “เรื่องเล่า” ของตัวเองมาทั้งชีวิต วันหนึ่งมันกลับไม่จริงขึ้นมา เราจะเดินต่ออย่างไร หนังอาจไม่ได้ลงลึกเชิงดราม่าหนัก ๆ แต่ก็แอบชวนให้ตั้งคำถามกับชีวิตและตัวตนพอสมควร

อีกด้านหนึ่ง Argylle ยังสะท้อนวัฒนธรรมป๊อปยุคนี้ที่ “ทุกอย่างถูกเล่าเป็นเรื่อง” เรามีสตอรี่ในโซเชียล มีภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นเอง มีบุคลิกออนไลน์กับออฟไลน์ที่ต่างกันพอ ๆ กับอาร์ไกลล์ในนิยายกับเอลฟ์ลินในชีวิตจริง หนังจึงดูเหมือนเล่นสนุก แต่จริง ๆ แอบร่วมวงคุยกับเราเรื่อง “โลกจริง vs โลกที่เราสร้างขึ้น” อยู่ตลอดเวลา

เทคนิคการสร้างและงานภาพ

สไตล์ของ Matthew Vaughn ยังจัดเต็มเหมือนเดิม ทั้งโทนสีสด งานภาพเร็ว และแอ็กชันที่ออกแบบให้เหมือนฉากจากการ์ตูนหรือมิวสิกวิดีโอมากกว่าความสมจริง สายตาคนดูจะเต็มไปด้วยพลังงานของสี แสง และการตัดต่อที่ฉูดฉาด

โลเคชันในเรื่องหลากหลาย ทั้งรถไฟ เมืองใหญ่ บ้านหรู สถานที่ลับ และเซ็ตอัปที่เน้นความเป็น “หนังสายลับสุดโอเวอร์” ซึ่งบางครั้งก็จงใจให้หลุดโลกเพื่อเน้นธีมว่า เราอาจกำลังอยู่ในโลกของนิยายมากกว่าความจริง

ดนตรีและซาวด์แทร็กช่วยขับความเป็นหนังสายลับป๊อป ๆ ให้ชัดเจน ทั้งจังหวะกึ่งส py-groovy และเพลงที่เลือกใช้ประกอบฉากเต้น–ยิง–ไล่ล่า ต่างทำให้หนังมีโทนสนุก ดูง่าย แม้โครงเรื่องจะเริ่มม้วนซับซ้อนไปบ้างในช่วงกลาง–ท้ายก็ตาม

บทวิจารณ์

Argylle ได้รับเสียงตอบรับแบบผสม มีทั้งคนที่สนุกไปกับความเว่อร์และสไตล์จัดๆ ของหนัง และคนที่รู้สึกว่าเนื้อเรื่องพยายามพลิกไปมามากเกินจนเริ่มเยอะ จุดแข็งคือความบันเทิงแบบหนังสายลับการ์ตูน ผู้กำกับมีลายเซ็นชัด นักแสดงเล่นใหญ่และดูสนุกไปกับบทของตัวเอง โดยเฉพาะ Sam Rockwell ที่แทบขโมยซีนทุกครั้งที่ออกกล้อง

แม้ในเชิงโครงเรื่องอาจจะไม่ลงตัวทุกจุด แต่ถ้ามองมันในฐานะ “หนังโจ๋งครึกสายลับสไตล์การ์ตูน” ที่เน้นสีสัน ความบันเทิง และการเล่นกับคอนเซปต์โลกนิยาย Argylle ก็เป็นหนังที่ดูเพลินและมีอะไรแปลกใหม่ให้จำได้พอสมควร

ตัวอย่างภาพยนตร์ (ตรวจสอบแล้ว)

หมายเหตุ: ตัวอย่างหนังด้านล่างเลือกจากช่องทางทางการ และตรวจสอบแล้วว่าสามารถรับชมได้บน YouTube (ณ วันที่จัดทำรีวิว)

 

Author: maxkee

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *