
ในยุคที่ซูเปอร์ฮีโร่เต็มจอและเรื่องราวดูซ้ำซาก “The Toxic Avenger Unrated” กลับเลือกที่จะไปอีกด้าน—ด้านที่ “สกปรก” “เสียดสี” และเต็มไปด้วยเลือดและมลพิษในแบบที่หายากบนหน้าจอใหญ่ หนังของ Macon Blair นำแสดงโดย Peter Dinklage ผู้รับบท Winston Gooze ซึ่งหลังจากตกอยู่ในเหตุการณ์สารพิษได้กลายร่างเป็นฮีโร่หน้ากากเขียวที่ชื่อว่า “โทกซี่” (Toxie) — เป็นภาพสะท้อนว่าคนที่ถูกสังคมทิ้งอาจกลายเป็นผู้ที่สังคมต้องการที่สุดเมื่อถึงจุดแตกหัก
เรื่องราวเริ่มที่ Winston Gooze เป็นแม่บ้านในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง (BTH) ที่ผลิตสารเคมีและยาเขาก็ถูกเพิกเฉยหลายครั้ง ทั้งจากลูกเลี้ยง, เพื่อนร่วมงาน และระบบสุขภาพ เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น—สารละลายพิษรั่วไหล–เขาถูกขว้างลงไปในบ่อขยะเคมี และเมื่อฟื้นขึ้นมา เขาไม่ใช่ชายเดิมอีกต่อไป เขาได้พลัง ได้หน้าที่ และได้โอกาสแก้แค้นผู้ที่ทำร้ายคนที่เขารัก
นาทีแรกคืองานเล่า “ก่อนความเปลี่ยนแปลง” ที่ให้เราเข้าใจ Winston และชีวิตที่เขาอยู่—จากไม่มีค่า กลายเป็น “มีพลัง” แต่ต้องจ่ายราคา แล้วหนังค่อย ๆ พาเราเข้าสู่เส้นแบ่งระหว่างความอยุติธรรมและการล้างแค้น เมื่อพลังของ Toxie ถูกใช้เพื่อกำจัดผู้ทุจริต ผู้ร้าย และบริษัทที่จะทำลายโลกเล็ก ๆ … แต่คำถามคือ “เขาคือฮีโร่หรืออสูร?”
งานสร้างในเรื่องนี้จัดเต็ม ทั้งการใช้เอฟเฟกต์แบบวิกตุกรวมกับ CGI เล็กน้อย ตัวละครรองอย่าง Elijah Wood, Kevin Bacon และ Jacob Tremblay เติมเต็มโครงเรื่องให้เข้มข้นเมื่อตัวร้ายและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เริ่มมีบทบาท หนังเลือกใช้โทนสีเขียวอมดำของสารพิษ แสงนีออนของเมือง และเสียงหัวเราะที่ทั้งคล้ายและต่างจากหนังฮีโร่ทั่วไป
แต่มันก็ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน จุดอ่อนของ The Toxic Avenger คือโครงเรื่องที่อาจดูคาดเดาได้สำหรับผู้ชมทั่วไป และความรุนแรงแบบสุดโต่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนระคายเคือง หนังเองก็เปิดเผยว่ามีฉาก “Unrated” ซึ่งหมายถึงไม่มีการเซ็นเซอร์สำหรับบางฉากที่โหดกว่าเวอร์ชันทั่วไป.
โดยรวมแล้ว The Toxic Avenger Unrated เป็นเหมือนงานศิลปะให้แฟนสายคัลต์—คนที่ไม่กลัวความสกปรก ไม่กลัวบทพูดแสบ และไม่กลัวฮีโร่ที่เดินอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างดีและชั่ว มันคือการกลับมาของฮีโร่ในแบบที่ไม่เคยใช้กระดูกเล่า มันใช้เลือด แรงกดดัน และคำถามว่า “เมื่อโลกสกปรกขนาดนี้ ฮีโร่จะทำอะไร?”
คะแนน IMDb: ยังไม่มีคะแนนเต็มแน่นอน ณ เวลาที่เขียน (ข้อมูลการรีวิวเริ่มมี)
คะแนนผู้เขียน: 7.1 / 10 – สำหรับความกล้าที่จะท้าทายแนวฮีโร่แบบเดิม และทำให้ผู้ชมรู้สึก “ถูกกดดัน” ตลอดเวลา
